Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood
วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
การบันทึกครั้งที่ 16
วันศุกร์ ที่ 28 เมษายน 2560
เวลาเรียน 08.30-12.30 น.
ในสัปดาห์นี้เรียนเรื่อง Picture
Exchange Communication System (PECS)
บทบาทครู
•ตำแหน่งการนั่งของเด็กไม่ควรให้นั่งติดหน้าต่างหรือประตู•ให้เด็กนั่งแถวหน้าสุดใกล้โต๊ะครู
•จัดให้เด็กนั่งติดกับนักเรียนที่ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยคุยในระหว่างเรียน
การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ
- ทักษะทางสังคม
-เด็กพิเศษที่ขาดทักษะทางสังคม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการพ่อแม่
-การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าเด็กจะมีพัฒนาการต่างๆอย่างมีความสุข
- กิจกรรมการเล่น
- ยุทธศาสตร์การสอน
- การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง
- ครูปฏิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่น
- การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น
- ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฎเกณฑ์
2.ทักษะภาษา
- การวัดความสามารถทางภาษา
- การออกเสียงผิด / พูดไม่ชัด
- การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
- ทักษะพื้นฐานทางภาษา
- พฤติกรรมตอบสนองการแสดงออกทางภาษา
- พฤติกรรมเริ่มการแสดงออกของเด็ก
- ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย
- การสอนตามเหตุการณ์ (Incidental Teaching)
3. ทักษะการช่วยเหลือตนเอง
-เรียนรู้การดำรงชีวิตโดยอิสระให้มากที่สุด การกินอยู่ การเข้าห้องน้ำ การแต่งตัว กิจวัตรต่างๆในชีวิตประจำวัน
- การสร้างความอิสระ
- ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ
- หัดให้เด็กทำเอง
- จะช่วยเมื่อไหร่
- ทักษะการช่วยเหลือตนเอง
- ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง
- การเข้าส้วม
4. ทักษะพื้นฐานทางการเรียน
- เป้าหมาย
- ช่วงความสนใจ
- การเลียนแบบ
- การทำตามคำสั่ง คำแนะนำ
- การรับรู้ การเคลื่อนไหว
- การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก
- ความจำ
- การวางแผนการเตรียมพื้นฐานทางวิชาการ
-เมื่อเรียนเนื้อหาอาจารย์ก็ได้ให้นักศึกาษาออกไปทำกิจกรรมหน้าห้อง
ประเมินตัวเอง
-เรียนเนื้อหาวันนี้ไม่ได้เตรียมชีทไปเรียนด้วยแต่ก็สามารถจดในสมุดได้อย่างราบรื่น
ประเมินเพื่อน
-เพื่อนตั้งใจเรียนเหมือนเช่นเคย และทำกิจกรรมหน้าห้องอย่างสนุกสนาน
ประเมินอาจารย์
-วันนี้อาจารย์ก็ตั้งใจสอนเนื้อหาอย่างเชี่ยวชาญ
วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560
การบันทึกครั้งที่ 11
วันศุกร์ ที่ 24 มีนาคม 2560
เวลาเรียน 08.30-12.30 น.
**ในสัปดาห์นี้ช่วงแรกจะเป็นการแจกคะแนนสอบกลางภาคให้แต่ละคน**
**จากนั้นก็จะเป็นการเรียนที่เกี่ยวกับเด็กพิเศษโดยจะเรียนเรื่อง การส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ**
- เพื่อให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในชีวิตประจำวัน
- ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด
- เน้นการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Approach)
1. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
- เพิ่มทักษะพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิด
- เกิดผลดีในระยะยาว
- เน้นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กสามารถใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆแทนการฝึกแต่เพียงทักษะทางวิชาการ
- แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program; IEP)
- โรงเรียนการศึกษาพิเศษเฉพาะทาง โรงเรียนเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน
2.การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
- การฝึกฝนทักษะในชีวิตประจำวัน (Activity of Daily Living Training)
- การฝึกฝนทักษะสังคม (Social Skill Training)
- การสอนเรื่องราวทางสังคม (Social Story)
3. การบำบัดทางเลือก
- การสื่อความหมายทดแทน (AAC)
- ศิลปกรรมบำบัด (Art Therapy)
- ดนตรีบำบัด (Music Therapy)
- การฝังเข็ม (Acupuncture)
- การบำบัดด้วยสัตว์ (Animal Therapy)
"การสื่อความหมายทดแทน (Augmentative and Alternative Communication ; AAC)"
- การรับรู้ผ่านการมอง (Visual Strategies)
- โปรแกรมแลกเปลี่ยนภาพเพื่อการสื่อสาร (Picture Exchange Communication System; PECS)
- เครื่องโอภา (Communication Devices)
- โปรแกรมปราศรัย
บทบาทของครู.
- ตำแหน่งการนั่งของเด็กไม่ควรให้นั่งติดหน้าต่างหรือประตู
- ให้เด็กนั่งแถวหน้าสุดใกล้โต๊ะครู
- จัดให้เด็กนั่งติดกับนักเรียนที่ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยคุยในระหว่างเรียน
- ให้เด็กมีกิจกรรม เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง
การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ
1. ทักษะทางสังคม
2. ทักษะภาษา
3. ทักษะการช่วยเหลือตนเอง
4. ทักษะพื้นฐานทางการเรียน
ประเมินตัวเอง
-ได้เรียนรู้เนื้อหาต่างๆและอาจารย์ยังให้ทำกิจกรรมต่างๆอีกมากมาย
ประเมินเพื่อน
-เพื่อนๆทุกคนตั้งใจเรียนกันมากเพราะว่าวันนี้ ส่วนมากพูดคุยเรื่องต่างๆกันมากกว่า
ประเมินอาจารย์
-อาจารย์ตั้งใจสอนเนื้อหาที่อยู่ในบทเรียนและเนื้อหาที่นักศึกษาต้อองการรู้หรือยังไม่รู้
การบันทึกครั้งที่ 10
วันศุกร์ ที่ 17 มีนาคม 2560
เวลาเรียน 08.30-12.30 น.
**ก่อนเริ่มการเรียนก็จะเป็นเป็นการสอบกลางภาคของวิชา การจัดประสบการณ์ การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย อาจารย์ใหห้เวลาสอบ 1 ชั่วโมง **
-จากนั้นก็จะเริ่มการเรียนการสอน "รูปแบบการจัดการศึกษา"
- การศึกษาปกติทั่วไป (Regular Education)
- การศึกษาพิเศษ (Special Education)
- การศึกษาแบบเรียนร่วม (Integrated Education หรือ Mainstreaming)
- การศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education)
"การจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ"
เด็กที่มีความต้องการพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา
1.การเรียนร่วมบางเวลา (Integration)
- การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติในบางเวลา
- เด็กพิเศษได้มีโอกาสแสดงออก และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กปกติ
- เป็นเด็กพิเศษที่มีความพิการระดับปานกลางถึงระดับมาก จึงไม่อาจเรียนร่วมเต็มเวลาได้
- การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในโรงเรียน
- เด็กพิเศษได้รับการจัดกระบวนการเรียนรู้และบริการนอกห้องเรียนเหมือนเด็กปกติ
- การศึกษาสำหรับทุกคน
- รับเด็กเข้ามาเรียนรวมกันตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษา
- จัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล
"Inclusive Education is Education for all, It involves receiving people at the beginning of their education, with provision of additional services needed by each individual"
"ความสำคัญของการศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย"
- ปฐมวัยเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการเรียนรู้
- “สอนได้”
- เป็นการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษที่มีขีดจำกัดน้อยที่สุด
**บทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม**
- ครูไม่ควรวินิจฉัย
- ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก
- ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ
- ครูทำอะไรบ้าง
- สังเกตอย่างมีระบบ
- การตรวจสอบ
- ข้อควรระวังในการปฏิบัติ
- การบันทึกการสังเกต
- การนับอย่างง่ายๆ
- การบันทึกต่อเนื่อง
- การบันทึกไม่ต่อเนื่อง
- การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป
- การตัดสินใจ
-จากนั้นอาจารย์ได้ให้นักศึกษาทุกคนวาดรูปดอกบัวจากรูปภาพที่อาจารย์ได้ให้ และให้นักศึกษาสังเกตดอกที่อาจารย์ให้วาดให้อย่างละเอียดและเมื่อวาดรูปลงสีเสร็จเรียบร้อย อาจารย์ก็ได้ให้เราเขียนในสิ่งที่เห็นลงไปในรูปภาพของเรา
-จากนั้นอาจารย์ได้ให้ ดูวิดิโอรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง ที่มีเด็กพิเศษไปแข่งตีขิมในรายการ น้องสามารถจำเพลงได้เยอะมากมายและการพูดคุยของน้องสามารถพูดคุยกับกรรมการได้อย่างน่าชื่นชม
ประเมินตัวเอง
-ได้สอบกลางภาค ได้เรียนเนื้อหหา นอกเนื้อหามากมาย เป็นความรู้อย่างหนึ่งที่ดิฉันชอบเรียนมากๆเลยค่ะ
ประเมินเพื่อน
-ในวันนี้ทุกคนเตรียมตัวมาสอบอย่างดี และได้ช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานดอกบัวของตัวเอง
ประเมินอาจารย์
-อาจารย์สอนดีให้ความรู้เป็นอย่างมากทำให้นักศึกษาทุกๆคนมีความสุข
การบันทึกครั้งที่ 9
วันศุกร์ ที่ 10 มีนาคม 2560
เวลาเรียน 08.30-12.30 น.
"เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์"
"(Children with Behavioral and Emotional Disorders)"
-มีความรู้สึกนึกคิดที่ผิดไปจากปกติ
-แสดงออกถึงความต้องการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
-มีความเชื่อมั่นในตนเองต่ำ
-เด็กที่มีการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในสภาพปกตินานๆ ไม่ได้
-เด็กที่ควบคุมพฤติกรรมบางอย่างของตนเองไม่ได้
-ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเรียบร้อย
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
1.ความวิตกกังวล (Anxiety) ซึ่งทำให้เด็กมีนิสัยขี้กลัว
2.ภาวะซึมเศร้า (Depression) มีความเศร้าในระดับที่สูงเกินไป
3.ปัญหาทางสุขภาพ และขาดแรงกระตุ้นหรือความหวังในชีวิต
การจำแนกเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ ตามกลุ่มอาการ
- ด้านความประพฤติ (Conduct Disorders)
- ด้านความตั้งใจและสมาธิ (Attention and Concentration)
- สมาธิสั้น (Attention Deficit)
- การถอนตัวหรือล้มเลิก (Withdrawal)
- ความผิดปกติในการทำงานของร่างกาย (Function Disorder)
- ภาวะความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ระดับรุนแรง
สาเหตุ
- ปัจจัยทางชีวภาพ (Biology)
- ปัจจัยทางจิตสังคม (Psychosocial)
เด็กสมาธิสั้น (Children with Attention Deficit Hyperactivity Disorders)
ADHD เป็นภาวะผิดปกติทางจิตเวชมีลักษณะเด่นอยู่ 3 ประการ คือ
-อยู่ไม่สุข (Hyperactivity )
-สมาธิสั้น (Attention Deficit )
"เด็กพิการซ้อน (Children with Multiple Handicaps)"
- เด็กที่มีความบกพร่องที่มากกว่าหนึ่งอย่าง เป็นเหตุให้เกิดปัญหาขัดข้องในการเรียนรู้อย่างมาก
- เด็กปัญญาอ่อนที่สูญเสียการได้ยิน
- เด็กปัญญาอ่อนที่ตาบอด
- เด็กที่ทั้งหูหนวกและตาบอด
เมื่ออาจารย์สอนและก็จะให้นักศึกษาออกมาสาธิตการแสดงของเด็กพิเศษ
ประเมินตัวเอง
-ในสัปดาห์นี้เรียนค่อนข้างสนุกเพราะได้เห็นเพื่อนๆได้ออกไปสาธิตการแสดงเป็นเด็กพิเศษให้ดูเลยทำให้ดิฉันชื่นชอบเป็นอย่างมาก
ประเมินเพื่อน
-เพื่อนทำให้มีเสียงหัวเราะ สนุกสนาน
ประเมินอาจารย์
-อาจารย์น่ารักให้เพื่อนๆออกไปสาธิตให้ดูทำให้เกิดความสนุกสนานกันมาก
การบันทึกครั้งที่ 8
วันศุกร์ ที่ 3 มีนาคม 2560
เวลาเรียน 08.30-12.30 น.
ในสัปดาห์นี้ยังคงเป็นการเรียนรวมอยู่
"ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ"
"เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Children with Learning Disabilities) "
- เรียกย่อ ๆ ว่า L.D. (Learning Disability)
- เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้เฉพาะอย่าง
- ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กที่มีปัญหาเนื่องจากความพิการ หรือความบกพร่องทางร่างกาย
สาเหตุของ LD
- ความผิดปกติของการทำงานของสมองที่ไม่สามารถถอดรหัสตัวอักษรออกมาได้ (เชื่อมโยงภาพ ตัวอักษรเข้ากับเสียงไม่ได้)
- กรรมพันธุ์
1. ด้านการอ่าน (Reading Disorder)
2. ด้านการเขียน (Writing Disorder)
3. ด้านการคิดคำนวณ (Mathematic Disorder)
4. หลายๆ ด้านร่วมกัน
อาการที่มักเกิดร่วมกับ LD
- แยกแยะขนาดสีและรูปร่างไม่ออก
- มีปัญหาความเข้าใจเกี่ยวกับเวลา
- เขียน/อ่านตัวอักษรสลับซ้าย-ขวา
- งุ่มง่ามการประสานงานของกล้ามเนื้อไม่ดี
- การประสานงานของสายตา-กล้ามเนื้อไม่ดี
- สมาธิไม่ดี (เด็ก LD ร้อยละ 15-20 มีสมาธิสั้น ADHD ร่วมด้วย)
- เขียนตามแบบไม่ค่อยได้
- ทำงานช้า
"ออทิสติก (Autistic)"
- หรือ ออทิซึ่ม (Autism)
- เด็กที่ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
- ไม่สามารถเข้าใจคำพูด ความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น
- ไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคม
- เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง
- ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
"ไม่สบตา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว"
ลักษณะของเด็กออทิสติก
- อยู่ในโลกของตนเอง
- ไม่เข้าไปหาใครเพื่อให้ปลอบใจ
- ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน
- ไม่ยอมพูด
- เคลื่อนไหวแบบซ้ำๆ
พฤติกรมการทำซ้ำ
- นั่งเคาะโต๊ะ หรือโบกมือนานเป็นชั่วโมง
- นั่งโยกหน้าโยกหลังเป็นเวลานาน
- วิ่งเข้าห้องนี้ไปห้องโน้น
- ไม่ยอมให้เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม
พบความผิดปกติอย่างน้อย 1 ด้าน (ก่อนอายุ 3 ขวบ)
-ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
-การใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมาย
-การเล่นสมมติหรือการเล่นตามจินตนาการ
ออทิสติกเทียม
-ปล่อยให้เป็นพี่เลี้ยงดูแลหรืออยู่กับผู้สูงอายุ
-ปล่อยให้ลูกอยู่กับไอแพด
-ดูการ์ตูนในทีวี
Autistic Savant
-กลุ่มที่คิดด้วยภาพ (visual thinker)
จะใช้การการคิดแบบอุปนัย (bottom up thinking)
-กลุ่มที่คิดโดยไม่ใช้ภาพ (music, math and memory thinker)
จะใช้การคิดแบบนิรนัย (top down thinking
**จากนั้นอาจารย์ได้ให้ดูวิดีโอของน้องที่เป็นออทิติก ก่อนปล่อยเป็นวิดีโอที่น้องต้องทำงานและน้องก็จะกลับตลอดแต่แพทย์ ได้พยายามนำแบบทดสอบให้น้องทำจนเสร็จ และน้องติดพูดซ้ำๆคือ
ขอบคุณครับ**
ประเมินตัวเอง
-ได้นั่งเรียนอยากสนุกสนานและได้ความรู้มากกว่าในชีท
ประเมินเพื่อน
-เพื่อนตั้งใจเรียนมีพาอาจารย์ออกนอกเรื่องบ้างแต่เรียนอย่างนี้แล้วก็สนุกดีค่ะ
ประเมินอาจารย์
-อาจารย์ตั้งใจสอนนักศึกษาทุกคนเป็นอย่างมากทำให้นักศึกษาไม่เครียดและผ่อนคลาย
วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
การบันทึกครั้งที่ 6
วันศุกร์ ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560
เวลาเรียน 08.30-12.30 น.
ได้ไป "ศึกษาดูงาน ณ โรงเรียนเกษมพิทยา หัวข้อการศึกษาแบบเรียนรวม "
ช่วงเช้าจะเป็นการเข้าแถวหน้าเสาธงและก็มีกิจกรรมของเด็กๆโรงเรียนเกษมพิทยา ให้เด็กๆออกมา
เคราพธงชาติด้วยตัวเอง ออกไปแสดงความคิดเห็นและออกกำลังกายช่วงเช้า
-จากนั้นก็จะเป็นการเข้าห้องประชุมเพื่อพูดคุยความเป็นมาของโรงเรียนเกษมพิทยา และการเรียนการสอน 2 แบบ
-เรียนรวม มี 3 แบบ 1.เรียนร่วมเต็มเวลา 2.เรียนร่วมบางเวลา 3.ห้องพิเศษ
-การอ่านจมี 3 รูปแบบ
-จากนั้นก็จะแบ่งกลุ่มกันไปศึกษาตามห้องที่ได้กำหนด ดิฉันได้ห้อง อนุบาล 1/2 เด็กพิเศษชื่อว่า
น้องตะนอย อายุ 7 ปี
จากการที่ได้ไปศึกษาดูพฤติกรรมน้องตะนอยและวนั้นภายนอกดูเหมือนเด็กปกติเมื่อเพื่อนทำกิจกรรมอะไรน้องก็ทำได้หมด
-น้องเป็นเด็กขี้อาย ไม่กล้าแสดงออกเรื่องคำสั่งสับสน ช่วยเหลือตัวเองได้
-เมื่อถามน้องว่าวาดรูปอะไรน้องตอบได้ ว่าวาดเรือ
-น้องเอาผลงานที่วาดเสร็จแล้วไปให้คุณครูเขียน สามารถบอกเป็นเรื่อราวได้ คือคำว่า "ตะนอยไปหาพ่อแม่ไปโลตัสไปหาหมอ "
-น้องติดป้ายชื่อได้ หยิบกระดาษทากาวได้
-ครูสั่งให้ตบมือ 1ครั้ง แต่น้องตบมือมากกว่า1ครั้ง
-น้องเข้ากับเพื่อนได้ดี
-จากนั้นก่อนกลับป้าหนู ก็ได้ถามนักศึกษาทุกคนที่ได้ไปสังเกตน้องๆแต่ล่ะห้องว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทุกคนก็ตอบตามที่ได้สังเกตมาและก็เตรียมตัวกลับ
ประเมินตัวเอง
-สนุกสนานได้ไปดูพี่ปี 5 ฝึกสอน ได้ถามการเป็นครูฝึกสอนที่โรงเรียนว่าเป็นอย่างไร ได้ถามเรื่องน้องๆที่จะศึกษา สังเกตเด็ก
ประเมินเพื่อน
-เพื่อนได้รับมอบหมายหน้าที่แต่ละห้องและได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดี
ประเมินอาจารย์
-อาจารย์ดูสนุกสนานและมีความสุขมากๆเลยค่ะวันนี้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)